บ้านสไตล์โคโรเนียล
บ้านสไตล์โคโรเนียล ออกแบบบ้านสองชั้น สถาปัตยกรรม เป็นภาพสะท้อน ของตอนที่พวกเราอาศัย อยู่โดยตลอด ไม่เพียงแค่เฉพาะอุปกรณ์ที่พวกเราใช้ในการก่อสร้างเพียงแค่นั้น แม้กระนั้นยังเป็นด้วยเหตุว่าเส้น ทรง และก็มิติที่เปลี่ยน อยู่เสมอเวลา เพียรพยายามปรับ ให้กับโลก ที่เปลี่ยน ตลอดระยะเวลาของพวกเรา ซึ่งนิยามของบ้านที่ไม่อยู่กับที่ ก็เลยนำไปสู่ของใหม่ ที่น่าดึงดูด อยู่ตลอด ยกตัวอย่างเช่นบ้านข้างหลังนี้ที่มีสนามอยู่รอบๆชั้นสองของบ้าน แตกต่างจากที่พวกเราชอบรับทราบว่าบ้านควรจะมีสนาม อยู่ด้านล่าง ไม่ข้างหน้าก็ข้างหลังบ้าน ได้ประสบการณ์ใหม่ๆสำหรับเพื่อการดำรงชีวิต ที่สบายอย่างไม่เหมือนกัน ภูเก็ต วิลล่า
บ้านนี้สร้างในประเทศออสเตรเลีย ชื่อโปรเจ็ค Scotia ได้รับการตั้งชื่อตามผู้ครอบครองเริ่มแรก ด้วยความรัก ตรงนี้มีตึกเก่าอยู่ก่อนแล้ว และก็เพิ่มเติม เพิ่มให้มีฟังก์ชัน คล้ายคลึง กับสิ่งที่จำเป็นใหม่ๆความสะดุดตาของพื้นที่นี้เป็นความแตกต่างระดับ ทำให้บ้านสามารถเข้าได้ จากด้านล่างรวมทั้งบันไดทางลัดขึ้นชั้นสองที่เพิ่มมาในด้านข้าง ด้านในมีสนามเขียวๆมองชุ่มชื่นกระชุ่มกระชวยรุมล้อมด้วยหอพักร่วมยุคบริเวณบ้านไม้คลาสสิก ยุคศตวรรษที่ 20 ให้แสงสว่าง ลม และก็ทัศนวิสัยที่ความข้องเกี่ยวที่ลื่นไหลระหว่างข้างในและก็สวน กระตุ้นการเดินทางผ่านภูมิทัศน์ ด้านในยังแบ่งสรรพื้นที่พอเพียงต่อไลฟ์สไตล์ของสมาชิก

พื้นที่ชีวิตสำคัญๆจะอยู่ที่ข้างบน ซึ่งมีทรงล้ำยุค ด้วยส่วนประกอบ คอนกรีต บนแผ่นพื้น และก็เพดาน จัดแผนผังพื้นที่ใช้สอย ให้ทุกห้องเชื่อมต่อกัน (Free Plan)แล้วก็ใช้เพียงแค่ฝาผนังลอยและก็ตู้ใบเสร็จรับเงินท์อินเพื่อกันรูปทรง มีช่องว่างขนาดใหญ่ ที่เห็นสนามสีเขียวหน้าบ้าน มีหลังคายื่นออกมาเป็นเฉียงเชื่อมต่อกับสนาม ความรู้สึกเตียน โปร่งมีอิสรภาพ แล้วก็มีความเกี่ยวเนื่องระหว่างด้านในด้านนอกที่แสนมีชีวิตชีวา เหมาะกับใช้งานอเนก มุ่งหมาย สำหรับ กินอาหาร นั่งดื่มชากาแฟพร้อมเบเกอรี่ชิ้นโปรด หรือจัดงานเลี้ยงกับเพื่อนพ้อง Phuket Villas
บ้านที่ได้รับอิทธิพลจากสถาปัตยกรรมโมเดิร์นสมัยแรกๆแบบ free facade คำนวณให้มีเสาแล้วก็ส่วนประกอบอื่นๆเป็นจุดรับน้ำหนักแทน ฝาผนังภายนอกก็เลยไม่จำเป็นที่ต้องรับน้ำหนัก ทำให้สามารถเปิดได้กว้าง บรรยากาศบ้านมีความโปร่งสบายดูราวกับว่าไม่มีฝาผนัง อุปกรณ์ที่ใช้เน้นย้ำความง่ายๆ แสดงออกถึงตัวตนตามธรรมชาติแบบแต่งให้ต่ำที่สุด สำคัญๆจะใช้ปูนเปลือยๆตัดกับงานไม้เพื่อความรู้สึกเท่าเทียม ไม่กระด้างหรืออ่อนโยนจนกระทั่งเหลือเกิน
บ้านที่ได้รับอิทธิพลจากสถาปัตยกรรมโมเดิร์นสมัยแรกๆแบบ free facade คำนวณให้มีเสาและก็ส่วนประกอบอื่นๆเป็นจุดรับน้ำหนักแทน ฝาผนังข้างนอกก็เลยไม่มีความจำเป็นที่ต้องรับน้ำหนัก ทำให้สามารถเปิดได้กว้าง บรรยากาศบ้านมีความโปร่งสบายดูอย่างกับว่าไม่มีฝาผนัง อุปกรณ์ที่ใช้เน้นย้ำความง่ายๆ แสดงออกถึงตัวตนตามธรรมชาติแบบแต่งให้ต่ำที่สุด สำคัญๆจะใช้ปูนเปลือยๆตัดกับงานไม้เพื่อความรู้สึกเท่าเทียม ไม่กระด้างหรืออ่อนโยนจนกระทั่งเหลือเกิน
โซนที่มีความเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น
อย่างเช่น ห้องรับแขกพักดูโทรทัศน์ มุมนั่งชิลบนม้านั่งด้านหน้าต่างที่ตกแต่งแบบร่วมยุคได้บรรยากาศ แบบบ้านเก่าๆที่เคยคุ้นในประเทศออสเตรเลีย แต่ว่าก็เอามาผสมกับสิ่งของรวมทั้งการออกแบบฟังก์ชัน และก็ส่วนประกอบบ้าน ตามแบบสถาปัตยกรรมเก่าๆก้าวหน้า
ต่อมาเป็นห้องรับประทานข้าวเจาะโถงสูงมีฝาผนังกระจก เป็นช่องแสงสว่างขนาดใหญ่ ที่ข้างบน ยิ่งให้ความรู้ความเข้าใจสึกโปร่งภูมิฐานเป็นพิเศษ จากส่วนอื่นๆของบ้าน ให้โอกาสให้บ้านโดนแสงธรรมชาติในแนวทางอื่นๆเว้นแต่ข้างๆ แม้ดูขึ้นไปจะมองเห็นการเคลื่อนไหวของก้อนเมฆบนฟ้าที่ไหลไปตามกระแสลมตลอดวัน
มุมนี้เป็นอีกโซนสบายที่มองบรรเทา แล้วก็มีลักษณะการออกแบบที่เป็น signature ของคนเขียนแบบ ที่จะจัดให้มีรอบๆนั่งพักผ่อนสไตล์ร่วมยุคขอบหน้าต่าง เป็นม้านั่งไม้ยาวๆมีหน้าต่างบานผลักสูงๆเรียงยาวเต็มพื้นที่ฝาผนัง ราวกับได้นึกถึงวันเก่าๆยุคยังเป็นเด็ก HOME

หลังคาแบน (Flat Slab Roof) มีลักษณะขนานกับพื้น หรือราบเดียวกับพื้น นิยมดัดแปลงกับบ้านสไตล์โมเดิร์น เพราะว่ามีเส้นสายเรียบง่ายแม้กระนั้นนำสมัยไม่ตกสมัย การก่อสร้างก็ไม่สลับซับซ้อน ถ้าเป็นอุปกรณ์คอนกรีตก็สามารถใช้ประโยชน์บนหลังคา เป็นหลักที่ดาดฟ้าหรือสวนได้ แม้กระนั้นจุดบกพร่องเป็น ที่ราบจะรับความร้อน ได้โคนลด อีกทั้งผืนหลังคา รวมทั้งรับแสงสว่างได้ตลอดวัน home
หากว่าไม่มีการจัดการเรื่องความร้อนให้ดีในบ้านจะร้อนจัด และก็จะต้องตรวจทานระบบกันซึมรวมทั้งระบายน้ำให้ดี ต้องมีการลาดเอียงน้อยไปทางใดทางหนึ่งที่มีช่องระบายน้ำ เพื่อลดการท่วงขังของน้ำบนหลังคาที่บางทีอาจจะเป็นต้นเหตุของการรั่วซึมทำให้บ้านเสียหายได้
เพิ่มเติมเฉียงนั่งพักผ่อนเชื่อมต่อสวน
บ้านทุกข้างหลังที่เป็นสินทรัพย์ สินส่งต่อมาผู้ครอบครองคนก่อน จะมีร่อยรอยประสบการณ์และก็ความจำบางสิ่งคงเหลือ ไม่ว่าจะเป็นแบบอย่าง สถาปัตยกรรม รสนิยมการตกแต่ง รอยขีดข่วนที่ถูกจารึกไว้บนผิวฝาผนังบ้าน ซึ่งเจ้าของบ้านใหม่บางทีอาจไม่ได้อยากทำลายสิ่งที่มีอยู่เดิม แม้กระนั้นใช้การเพิ่มอีกใหม่มาหลอมรวมพื้นที่ให้ดูเหมือนกับว่ามีเรื่องมีราวราวต่อเนื่องกันในบ้านข้างหลังเดียว
ในรูปภาพรวมบางทีก็อาจจะมองแปลกเนื่องจากมิได้เฉพาะเจาะจงการตกแต่งในสไตล์ใดเป็นพิเศษ แต่ว่าแนวการแต่งบ้านอย่างนั้นไม่มีถูกไม่ถูก เนื่องจากว่าความไม่ลงรอยกันความแตกต่างก็เอามาจับรวมกันได้แม้ผู้ครอบครองพอใจ ราวกับยกตัวอย่างเช่นบ้านข้างหลังนี้ที่มีทั้งยังความคลาสสิคและก็ล้ำยุคในข้างหลังเดียว
กรณีของ Dulwich Hill House นั้น ตึกเดิมเป็นบ้านตากอากาศในแคลิฟอร์เนียที่ยังคงภาวะดีไม่แตกสลาย แต่ว่าก็มีการปรับแต่งตลอดทั้งในตอนทศวรรษ 1950 แล้วก็ 1980 จนถึงมาถึงปี 2020 ก็มีต่อเพิ่มเติมบ้าน โดยเน้นย้ำการนำเรื่องราวในสมัยก่อน มาผสม กับความรู้สึกใหม่ๆนอกนั้น ให้ความใส่ใจ กับธรรมชาติ ส่วนประกอบที่ทำให้เกิดความรู้สึกว่าดำรงชีวิตสบายขึ้น ในตอนที่ผ่านแนวทางการทำความรู้ความเข้าใจ คุณประโยชน์ของตึกเดิม กล้าเสริมเติมสีและก็ความคอนทราสต์ในบางจุด
ตึกข้างหลังเก่าที่ยังดูดี ใช้ทรงหลังคาจั่วตัวบ้าน เป็นก้อนอิฐแดงก้อนใหญ่ ตกแต่งหินแม่น้ำแบนๆให้ความรู้ความเข้าใจสึกอบอุ่นสวยคละเคล้าคลาสสิค ส่วนเสริมข้างหลังใหม่มีจุดหมายเพื่อเชื่อมบ้านกับสวน ได้รับการออกแบบด้วยหลังคาสีแดงสด เพื่อเสริมความสะดุดตาให้ฝาผนังแล้วก็เพดานสีขาว Tribe Studio Architects เรียกการเพิ่มเติมแต่งรวมทั้งตกแต่งใหม่นี้ว่า “การประสมประสานแล้วก็การทดสอบ” บ้านในซิดนีย์ บ้าน
โดยทำเฉียงนั่งพักผ่อนยกพื้นที่ข้างหลัง พื้นที่กลางแจ้งที่แจ้งรอบด้าน เสาที่รองรับหลังคามีฐานทำมาจากแผ่นก้อนอิฐแดงล้อกับบ้านเก่า ข้างในมีฟังก์ชันห้องครัวสีขาวตัดด้วยหินอ่อนสีเทาดำ ให้อารมณ์ความล้ำยุค แม้กระนั้นเมื่อขยับมาพื้นที่วางโซฟา จะเจอกับชุดโต๊ะเก้าอี้ ข้างหลังสีน้ำตาล โต๊ะกึ่งกลาง อาร์มแชร์สไตล์เรโทรสมัยคุณพ่อและก็รวมทั้งคุณแม่ เมื่อมองดูในรูปภาพรวมก็ไม่รู้เรื่องสึกแปลกแตอะไร
ต่อจากเฉียงเปิดทางเข้าสู่พื้นที่ด้านใน จะมองเห็นส่วนประกอบการออกแบบข้างในที่บอกถึงช่วงหลายสิบปีกลาย ตัวอย่างเช่น เตาผิงตกแต่งไม้ รวมทั้งหินแม่น้ำ บ้านตกแต่งไม้วีเนียร์แบบเริ่มแรก ฝ้าหลุมฉาบปูนตกแต่ง ลวดลายจำลองแบบวิกตอเรีย หน้าต่างเหล็กดัด ที่หน้าต่างตกแต่งกระจกสี (leadlight) เป็นงานศิลปะ ที่ทำมาจากกระจกสี
รวมทั้งเชื่อมต่อกันด้วยตะกั่วต่างๆ ที่เคยใช้ตกแต่งฝาผนังในมหาวิหารทางศาสนาคริสต์ เป็นศิลป์ยุคกลางที่น่าละลานตาที่เบาๆคืบคลานมาตกแต่งอยู่ในบ้าน ค่าของงานกลุ่มนี้ทำให้ผู้ครอบครองใหม่ให้ความยำเกรงต่อเอกลักษณ์ของบ้านที่เบาๆเพิ่มเข้ามาในตอนนับเป็นเวลาหลายปี ก็เลยยังคงไว้ไม่รื้อถอนออก

จากภาคอดีตกาลผ่านมาสู่ภาคตอนนี้ จะพบว่ามีการป้ายความผิดทราบในงานสถาปัตยกรรมรูแปบบใหม่ๆเข้าไป เช่น วิธีการทำบ้านเพดานเฉสูงกรุฝ้าตามแนวตึก ความสูงของเพดานรวมทั้งช่องเปิดสกายไลท์ขั้นสูงข้างบน ยังช่วยทำให้มีกระแสลมและก็แสงสว่างธรรมชาติส่องเข้ามาอย่างพอเพียงทั่วอีกทั้งบ้าน บันไดใช้ผิวไม้สีอ่อนลายงาม สีอ่อนๆของไม้จะสร้างความรู้สึก “ใหม่” มากยิ่งกว่าสีน้ำตาลเข้ม บ้านไม้โมเดิร์นเล็กๆ
ในจุดอื่นๆก็มีการใช้สีสันแจ่มใสเพื่อย้ำความแจ้งชัดของชั้นสำหรับเพื่อวางของแบบบิวท์อิน เคาน์เตอร์ล้างหน้าล้างตา แล้วก็ตู้ที่เอาไว้เก็บของในห้องอาบน้ำ ที่เห็นได้ชัดบนพื้นข้างหลังสีขาวเรียบตรงนี้ก็เลยเป็นหลักที่สำหรับหายใจสำหรับครอบครัวที่ใช้หลีกลี้จากการใช้ชีวิตที่มีความหนาแน่นสูงในซิดนีย์ แล้วก็ยังได้อยู่ท่ามกลางความมากมายหลายของสไตล์
สำหรับเพื่อการตกแต่งบ้านนั้นสิ่งของแล้วก็สี มีส่วนอย่างยิ่งสำหรับเพื่อการระบุบรรยากาศ อารมณ์ หรือความรู้สึก เป็นต้นว่า การใช้แรงงานไม้ โดยธรรมดาจะให้ความรู้ความเข้าใจสึกสุภาพ อบอุ่น ตัดทอนความแข็งแรงแข็งกระด้างของตึกได้ดิบได้ดี แต่ว่า Texture แล้วก็สีของไม้ ก็แบ่งย่อยลงไปได้อีก เช่น ไม้เก่าพรีเซ็นท์ความรู้สึกร่วมยุค มีเรื่องมีราวราวแบบคันทรีหรือรัสติก ไม้แผ่นเรียบสีไม้น้ำตาลเข้ม สีแดงเข้มจะมองแก่แก่ เหมาะสมกับบ้านสไตล์ Contemporary มองขรึมๆแก่นไม้โทนสีขาวและก็สีเหลืองอ่อนๆจะให้ความโมเดิร์นสบายดีมีกลิ่นประเทศญี่ปุ่นนิดๆ
Mid Century Modern
การออกแบบรูปร่างของบ้าน เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้บ้านได้รับมุมมองหรือตอบสนองความต้องการต่างๆกัน แบบบ้านที่นิยมสูงที่สุดก็คงจะเป็นรูปร่างสี่เหลี่ยม เพราะว่าวางแบบได้ง่ายที่สุด แม้กระนั้นบ้านทรงอื่นๆก็มีจุดเด่นที่บางโอกาสช่วยลดความจำกัดของที่ดินและก็สภาพแวดล้อมลงได้ เป็นต้นว่า บ้านรูปตัวแอลที่เหมาะสมกับพื้นที่ข้างหน้าแคบลึกยาวรวมทั้งกว้างภายใน หรือที่ดินหน้ายาวที่อยากวางแนวบ้านให้ได้รับทิวทัศน์ข้างหน้า มีพื้นที่ว่างกึ่งกลางรับลมและก็แสงสว่างโดยที่ตัวตึกไม่บังกัน เสมือนดังเช่นบ้านสไตล์ Mid Century Modern ข้างหลังนี้ ที่มีอีกทั้งความคลาสสิค นำสมัย และก็รูปร่างที่บางทีอาจจะตรงดวงใจใครสักคนอยู่
ฝาผนังบ้านสีเทาตุ่นๆตัดกับขอบไม้เรดวูดที่ขอบหลังคาภายนอกแล้วก็หน้าต่างข้างใน เป็นไม้ที่เอามาจากส่วนประกอบเดิมแล้วก็ตกแต่งใหม่ให้เป็นอุปกรณ์ที่สวยจนกระทั่งเปลี่ยนเป็นเนื้อหาที่เชิญของบ้านข้างหลังปรับแก้ใหม่
ด้านในตกแต่งบ้านด้วยส่วนประกอบของสีขาวสะอาดตา สิ่งของไม้ โลหะสีวับๆ และก็ของต่างๆที่ใช้สำหรับการแต่งบ้านโชว์แม่สีใหม่ๆที่แสดงออกถึงช่วง พวกเราจะมองเห็นประตูหน้าต่างเป็นกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่ในหลายๆจุด เป็นต้นว่า ในห้องรับแขกเพื่อรู้สึกโล่งเตียนในทุกพื้นที่ศูนย์กลางของบ้าน ในครัว ห้องนอน เพื่อถ่ายภาพความสวยตามธรรมชาติของสิ่งแวดล้อมรอบๆเอาไว้ให้ได้มากที่สุด
โซนห้องครัวที่อยู่ลึกเข้าไปจะเป็นงานดีไซน์ที่มีทรงเรขาคณิตที่ปราศจากความสลับซับซ้อน ย้ำความง่ายๆ ไม่อ้อมค้อมแล้วก็กระจ่าง ใช้สีสีขาวเป็นสีพื้นหลักตัดด้วยน้ำตาลของไม้ ใส่งานโลหะอลูมเนียมที่มองวาวล้ำยุคแล้วก็แผ่นท็อปหินอ่อนที่มองหรูหราขึ้น โดยรวมย้ำเรื่องผลดีใช้สอยเป็นหลักแล้วก็ดีไซน์ให้ตอบปัญหาสรีระของผู้ใช้งาน แล้วก็ให้ผู้ใช้ได้ประโยชน์จากธรรมชาติบริเวณบ้านทั้งยัง แสงสว่าง ลม แล้วก็ทิวทัศน์
บ้านสไตล์ Mid century modern จะเป็นบ้านที่นิยมสร้างในตอนปี คริสต์ศักราช 1919-1933 ซึ่งเกิดในตอนหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จะมีแนวความคิดใหม่ๆเกิดขึ้นทั้งยังแวดวงอุตสาหกรรม แฟชั่น รวมทั้งงานสถาปัตยกรรมด้วย จากบ้านที่มีเนื้อหามากมายเป็นตึกที่เรียบง่าย แต่ว่ายังคงอิสระมีความล้ำยุคของสิ่งของ ฟังก์ชัน เสนสายเรขาคณิต สีสันที่แจ่มใสในบางจุด แต่ว่ายังมีส่วนที่ใช้งานไม้สีแก่ๆขรึมๆมีความเป็นผู้ใหญ่ในระหว่างที่มีกลิ่นเรโทรอยู่เช่นเดียวกัน